การจัดการพลังงานและทรัพยากร
บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญใน การบริหารจัดการ วางแผนดำเนินการ พัฒนาและปรับปรุงวิธีการใช้ทรัพยากร การลดการใช้พลังงานฟอสซิล ทั้งไฟฟ้า เชื้อเพลิง (น้ำมัน ก๊าซ) และการจัดการด้านน้ำ รวมถึงทรัพยากรใดๆ ในกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มประสิทธิภาพ และมุ่งมั่นเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือกที่เหมาะสม ตลอดจนสร้างจิตสำนึกของพนักงาน เพื่อร่วมอนุรักษ์การใช้พลังงานให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการจัดการด้านพลังงานที่ยั่งยืนขององค์กร
แนวทางการบริหารจัดการ
บริษัทฯ ตระหนักและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม จึงดูแลและตรวจสอบการดำเนินงาน ให้มีระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ ทั้งโรงงานเทพารักษ์ และโรงงานบางพลี รวมถึงสนับสนุนให้มีกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบการบริหารจัดการ ด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO14001:2015 ซึ่งครอบคลุมการใช้ทรัพยากรและควบคุมมลพิษ และดำเนินการเพื่อสอดคล้อง เกณฑ์อุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4 เครือข่ายสีเขียว (Green Industry Level 4 : Green Culture) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้บริษัทจัดทำนโยบายการจัดการพลังงาน และมีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมประสานการทำงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ให้บรรลุสำเร็จตามนโยบายและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- มีการดำเนินการและพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน และทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยกำหนดให้อนุรักษ์พลังงาน และทรัพยากร เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของบริษัทฯ สอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
- ดำเนินการปรับปรุงเทคโนโลยีและแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานและทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
- กำหนดแผนและเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรในแต่ละปี และสื่อสารให้พนักงานทุกคนเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
- ให้การอนุรักษ์พลังงานเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหาร และพนักงานบริษัทฯ ทุกระดับที่จะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ติดตามตรวจสอบ และรายงานต่อคณะทำงานด้านการจัดการพลังงานและทรัพยากร
- บริษัทฯ จะได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น รวมถึงทรัพยากรบุคคล งบประมาณ เวลาในการทำงาน การอบรม และการมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนางานด้านพลังงาน และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
- ผู้บริหาร และคณะทำงานด้านการจัดการพลังงานจะทบทวนและปรับปรุงนโยบาย เป้าหมาย และแผนการดำเนินงานด้านพลังงานและทรัพยากรทุกปี
เป้าหมาย และผลการดำเนินการของการจัดการพลังงานและทรัพยากร
การจัดการพลังงานและเชื้อเพลิง
บริษัทฯ ใช้พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงโดยเฉพาะก๊าซหุงต้มสูงในกระบวนการผลิต และการขนส่งสินค้าเป็นสำคัญ คิดเป็นสัดส่วน 51.2%, 36.1% และ 12.7% ตามลำดับ ในปี 2567 บริษัทฯ มีการเปิดดำเนินการ KCG Logistics Park และการปรับปรุงและรีโนเวทโรงงานเทพารักษ์ทำให้มีการใช้ปริมาณไฟฟ้าและพลังงานต่างๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ไฟฟ้ารวมที่เพิ่มขึ้นนั้น บริษัทฯ ได้ใช้จากไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตจาก Solar Roof ที่ติดตั้งใหม่ 5 แห่ง รวมทั้งบริษัทฯ มีการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้าและอนุรักษ์การใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
โครงการการจัดการพลังงานและเชื้อเพลิงที่สำคัญ
โครงการติดตั้ง Solar Roof ที่ Logistics Park และ ศูนย์กระจายสินค้า
เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและขับเคลื่อนธุรกิจไทยไปสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ที่โรงงานสาขาเทพารักษ์ เพื่อใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนภายในโรงงานตั้งแต่ปี 2563 โดยมีขนาดกำลังผลิตที่ 1,107 กิโลวัตต์ (kW) ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายโครงการติดตั้ง Solar roof เพิ่มโดยมีขนาดกำลังการผลิต 2,358 กิโลวัตต์ (kW) เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานทางเลือกแทนการซื้อไฟฟ้า โดยครอบคลุมโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าทุกแห่งของบริษัทฯ 5 แห่ง ได้แก่ โรงงานสาขาบางพลี ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าครบวงจร (KCG Logistics Park) และศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง (เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น) โดยโครงการติดตั้งแล้วเสร็จเรียบร้อยและเปิดใช้การในเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งหากเปิดดำเนินการครบถ้วนจะมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นทุกสาขาประมาณ 4,564,489 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ทำให้สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นในปี 2568

ปริมาณการผลิตไฟฟ้ามาใช้จากแหล่งพลังงานทดแทน (kWh)
โดยในปี 2567 การเริ่มใช้งานการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่งติดตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ปริมาณพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 20.3% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้าในการก่อสร้างและทดสอบระบบเครื่องเย็นที่ KCG Logistics Park ส่งผลให้การใช้พลังงานไฟฟ้าในปี 2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 7.37% เมื่อเทียบกับ 6.73% ในปี 2566 ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการผลิตไพฟ้าจากโซลาร์รูฟจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 หลังจากเปิดดำเนินการอย่างสมบูรณ์
ภาพรวมการจัดการใช้ไฟฟ้าและพลังงานของบริษัท
ในปี 2567 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อหน่วยการผลิตลดลง 0.4% เมื่อเทียบจากปี 2566 ในขณะที่ปริมาณการใช้พลังงานเชื้อเพลิง (ทั้งก๊าซหุงต้มและเชื้อเพลิงในการขนส่ง) ต่อหน่วยการผลิตลดลง 11.7% ส่งผลให้ปริมาณการใช้พลังงาน รวมต่อหน่วยการผลิตลดลง 6.3%
การจัดการน้ำ
บริษัทฯ มุ่งมั่นในการกำหนดแนวทางการใช้น้ำด้วยวิธีที่ยั่งยืนพร้อมพัฒนาการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง จัดหาแหล่งน้ำที่ได้มาอย่างถูกต้องและไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง โดยมีความตระหนักดีว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของน้ำมากขึ้นทุกขณะ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการควบคุมและปรับปรุงในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. 2560 รวมไปถึงการแสวงหาแนวทางเพื่อหมุนเวียนน้ำที่ใช้ภายในบริษัทกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านน้ำ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเนื่องจากการดำเนินงาน และกระบวนการผลิตของบริษัท จำเป็น ต้องใช้น้ำเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญ ซึ่งมีการใช้น้ำในกิจกรรม ต่างๆ ของบริษัทในปริมาณมาก อีกทั้งน้ำทิ้งที่เกิดจากกระบวนการผลิต อาจก่อให้เกิดมลพิษต่อแหล่งน้ำธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนใกล้เคียงและความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำ รวมถึงภัยธรรมชาติต่างๆ ที่อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำ อาทิ ภัยแล้ง หรือน้ำทะเลหนุนจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงวางแผนบริหารจัดการน้ำทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีการกำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยง ปรับปรุงและจัดการ น้ำของบริษัทฯ มีดังนี้
เป้าหมายและผลการดำเนินงานของการจัดการน้ำ
ในปี 2567 บริษัทฯ มีการใช้ทรัพยากรน้ำเพียงพอ ไม่มีการหยุดผลิตเนื่องจากคุณภาพของน้ำ ไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของสินค้า มีการปฏิบัติสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำและไม่มีข้อร้องเรียนจากชุมชนรอบข้าง นอกจากนี้ ยังสามารถลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตได้ 23.5% เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย (เป้าหมายปี 2567 ลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลง 0.5%) และยังทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านน้ำลดลงอีกด้วย ดังนี้
การนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Water Recycling)
บริษัทฯ ดำเนินการจัดการบำบัดน้ำเสียควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อลดการใช้น้ำประปา โดยออกแบบเลือกใช้ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีความเหมาะสมกับคุณลักษณะของน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของแต่ละโรงงาน เพื่อให้มีระบบบำบัดมลพิษน้ำที่มีประสิทธิภาพบำบัดน้ำเสียจนได้คุณภาพน้ำทิ้งดี ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และออกแบบการนำน้ำทิ้งกลับมาใช้ทดแทนในกิจกรรมที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ภายในโรงงานได้โดยที่ไม่กระทบต่อคุณภาพในกระบวนการผลิตสินค้าของโรงงาน และเพื่อเป็นการยกระดับการบริหารจัดการน้ำภายในโรงงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ปัจจุบันแต่ละโรงงานของบริษัทฯ มีกระบวนการบริหารจัดการน้ำและน้ำเสีย ดังนี้
-
โรงงานเทพารักษ์ น้ำเสียโรงงานเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย ผ่านกระบวนการกำจัดหรือบำบัดขั้นต้นด้วยกระบวนการดักไขมัน (Grease trap) และระบบกำจัดไขมัน DAF (Dissolve Air Flotation) จากนั้นน้ำเสียจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสียขั้นขั้นที่สอง ด้วยระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ AS (Activated Sludge) และระบบบำบัดแบบ SBR (Sequence Batch Reactor) จนได้คุณภาพ น้ำทิ้งตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เมื่อสิ้นสุดกระบวนการบำบัดน้ำเสียจนได้คุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้นำน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียเข้าสู่ระบบ softener water และนำน้ำไปใช้งานในระบบ Cooling Tower และชักโครกห้องน้ำ
- โรงงานบางพลี น้ำเสียโรงงานเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย ผ่านกระบวนการกำจัดหรือบำบัดขั้นต้นด้วยกระบวนการฟอกไขมัน และกระบวนการดักไขมัน (Grease trap) จากนั้นน้ำเสียจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสียขั้นที่สอง ด้วยระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ AS (Activated Sludge) โดยระบบจะมีบ่อเติมอากาศ (Aeration Tank) ทั้งหมด 3 ชุด เพื่อให้อากาศเพียงพอต่อการบำบัดน้ำเสีย ตามแผนผังแสดงทิศทางการไหลของน้ำ จนได้น้ำทิ้งที่ผ่านตามมาตรฐานน้ำทิ้งตามกฎหมายกำหนด โดยน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วจะถูกเก็บไว้ในบ่อพักน้ำของบริษัทฯ เพื่อนำกลับมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น รดน้ำต้นไม้ และล้างพื้นถนน เป็นต้น
การดำเนินการควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งผ่านการบำบัด
นอกจากการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพแล้ว บริษัทฯ กำหนดความถี่ในการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งผ่านการบำบัดของโรงงานเป็นประจำทุกเดือน โดยการว่าจ้างห้องปฏิบัติการวิเคราะห์เอกชนที่ได้รับการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เข้าสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำเข้า-ออกจากระบบบำบัดน้ำเสียไปวิเคราะห์ เพื่อติดตามคุณภาพน้ำทิ้งและตรวจเช็คประสิทธิภาพการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พารามิเตอร์ในการตรวจติดตามผลตรวจวัดอิงตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. 2560
โครงการจัดการพลังงานและทรัพยากรที่สำคัญ และรายละเอียด สามารถดูรายละเอียดโครงการจัดการพลังงานและทรัพยากรที่สำคัญ เพิ่มเติมได้ที่ KCG
ข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ปี 2567 - สรุปผลการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม