การบริหารความเสี่ยงและความต่อเนื่องทางธุรกิจ
ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความผันผวนจากปัจจัยภายนอกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงและมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงและความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ กลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัท อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้บริษัทฯ มีความสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานหลักหรือเป้าหมายขององค์กรทั้งในภาวะปกติหรือในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ในระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท รวมถึงให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างเหมาะสม และลดผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่อาจมีต่อสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า
การบริหารความเสี่ยงองค์กร นโยบายและแผนการบริหารความเสี่ยง
บริษัทฯ ได้นำหลักการบริหารความเสี่ยงตาม COSO-ERM 2017 (The Committee of Sponsoring Organization of the Treadway Commission : Enterprise Risk Management) ที่เน้นการบูรณาการร่วมกับกลยุทธ์และผลการปฏิบัติงาน (Integrating with Strategy and Performance) สำหรับการบริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืน เพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งมีการศึกษาแนวปฏิบัติการบริหารความเสี่ยงด้าน ESG ของ COSO-ERM 2017: Guideline for Applying Enterprise Risk Management (ERM) to Environmental, Social and Governance (ESG) - Related Risks เพื่อให้มีความเข้าใจและสามารถระบุประเด็นความเสี่ยงในมิติด้านความยั่งยืนได้อย่างครบถ้วน และนำมาบูรณาการร่วมกับกลยุทธ์และการจัดการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงและนโยบายการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ มีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีระบบการควบคุม ที่ครอบคลุมเพียงพอและมีประสิทธิผลทั่วทั้งองค์กรทำให้องค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และเป้าหมายหลักในด้านต่างๆ ได้
ข้อมูลเพิ่มเติมดูรายละเอียดได้ที่
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง

โครงสร้างการบริหารความเสี่ยงองค์กร
การบริหารความเสี่ยงขององค์กรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท (Board of Directors) และได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริหาร ร่วมกันทำหน้าที่ในการทำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงและประสิทธิผลของการบริหารความเสี่ยง โดยคณะกรรมการบริหารมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดกรอบและนโยบายการบริหารความเสี่ยง รวมถึงแผนงานบริหารความเสี่ยง กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัทฯ ให้คำแนะนำต่อฝ่ายจัดการเพื่อมีการบริหารและจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่รับผิดชอบการกำกับดูแลในด้านสอบทานและให้คำแนะนำบริษัทฯให้มีระบบการจัดการและควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแนวทางที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งกำกับติดตามและดูแลให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปตามแผนงานและนโยบายการบริหารความเสี่ยง โดยคณะกรรมการบริษัทได้กำหนดให้มีการจัดการประชุมร่วมของคณะกรรมการทั้งสองคณะเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นต่อการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร พิจารณานโยบายการบริหารความเสี่ยงของบริษัท และระดับความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ก่อนนำเสนอเพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ ตลอดจนให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง
กระบวนและเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง
บริษัทจัดวางระบบกระบวนการบริหารความเสี่ยงในภาพรวมเชิงบูรณาการทั้งบริษัท โดยให้สอดรับกับกลยุทธ์หรือเป้าหมายทางธุรกิจและตามมาตรฐานสากล โดยมีการกำหนดความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ระดับองค์กร และมีกำหนดตัวชีวัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ในแต่ละปัจจัยความเสี่ยง รวมทั้งมีการติดตามผลการดำเนินการจากมาตรการจัดการความเสียง (Mitigation Plan) เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถแก้ไขและควบคุมไม่ให้ระดับของความเสี่ยงที่องค์กรมีเกินกว่าค่าที่กำหนดปัจจัยความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท.
บริษัทฯ ได้จัดทำคู่มือบริหารจัดการความเสียงองค์กร เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารความเสียงตามมาตรฐาน COSO Enterprise Risk Management 2017 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และกำหนดกระบวนการบริหารความเสี่ยงฯ ดังนี้

การบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ
เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความไม่แน่นอนและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด บริษัทฯ จัดทำนโยบายการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และคู่มือการบริหารจัดการเมื่อมีเหตุวิกฤตเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท (Crisis Management and Response for Business Continuity and Contingency Plan) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management : BCM) เป็นระเบียบปฏิบัติงานเพื่อประเมินความเสี่ยงและความรุนแรงของผลกระทบของแต่ละเหตุการณ์ จัดมาตรการป้องกันและจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อาทิ ภัยธรรมชาติ อัคคีภัย ภัยน้ำท่วม ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน เช่น เหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถขนส่งสินค้าให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ การขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงภัยไซเบอร์ ความเสี่ยงของการขาดแคลนพนักงานเนื่องจากโรคระบาด/โรคติดต่อ เป็นต้น เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมในการรองรับภาวะฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยมุ่งให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบหรือความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานจากคู่ค้า และควบคุมความสูญเสียไม่เฉพาะแต่ผลการดำเนินธุรกิจ แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยอาหาร ปกป้องผู้บริโภค ความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ทรัพย์สิน ภาพลักษณ์และเครื่องหมายการค้าของบริษัท เพื่อให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานได้ถูกต้อง สอดคล้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยมีการจัดทำคู่มือในการบริหารจัดการเหตุวิกฤตที่ไม่พึงประสงค์กับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และกำหนดให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มีบทบาทหน้าที่เป็นผู้บัญชาการระงับเหตุฉุกเฉิน (Crisis Director) และมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงาน เพื่อร่วมจัดการเหตุฉุกเฉินตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้บริษัทสามารถการดำเนินธุรกิจอย่าง ต่อเนื่องในภาวะวิกฤต อีกทั้งมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการฟื้นฟูเหตุฉุกเฉิน และการซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปีซึ่งบางแผนอาจต้องกำหนดให้มีการซ้อมร่วมกับลูกค้า ถึงขั้นตอนในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และส่งผลกระทบในแง่ของวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และผลกระทบอื่นๆ ต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสีย สิ่งแวดล้อมและชุมชนที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลเพิ่มเติมดูรายละเอียดได้ที่
ข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ปี 2567
ข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ปี 2567 - สรุปผลการดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ